เตรียมเป็นเจ้าสาว สวยทันงานแต่ง

เมื่อรู้ว่าจะมีวันสำคัญ
ทันทีที่รู้ว่า วันสำคัญของเราจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มเตรียมสวยกันได้เลยค่ะ

สิ่งที่ควรทำ

  1. สำรวจตัวเอง ว่ามีอะไรที่อยากจะแก้ไข ปรับปรุง เช่น เรื่อง สิว ฝ้า กระ รอบหลุมสิว น้ำหนักเกิน ความหย่อนคล้อย เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลานะคะ เราไม่สามารถดีดนิ้วแล้วสวยได้เลย อะไรที่เรารู้สึกว่าเป็นปัญหา เริ่มพบแพทย์แล้วรักษาได้เลยค่ะ ยิ่งรักษาแต่เนิ่นๆ ผลการรักษายิ่งดีค่ะ
  2. สำหรับใครที่อยากจะทำศัลยกรรม หาข้อมูล ปรึกษาแพทย์ไว้แต่เนิ่นๆเลยค่ะ เพื่อให้แผลเข้าที่ก่อนถึงวันงาน โดยส่วนใหญ่แผลผ่าตัดต่างๆ จะเข้าที่ดีใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนค่ะ

6 เดือนก่อนวันงาน

หลังจากเริ่มสำรวจตัวเองว่ามีอะไรที่อยากจะแก้ไขปรับปรุงแล้ว สิ่งที่จะทำให้เราสวยยิ่งๆ ขึ้นไปอีกก็เริ่มได้เลยค่ะ

สิ่งที่ควรทำ

  1. แก้ไขเรื่องความหย่อนคล้อย เพิ่มความตึงให้ใบหน้า นอกจากการผ่าตัดดึงหน้า เราสามารถใช้เลเซอร์กลุ่มยกกระชับได้ค่ะ เครื่องที่ได้รับ US FDA Approve เรื่องการยกกระชับมี 2 ตัวค่ะ คือ Thermage (ใช้คลื่นวิทยุ) กับ Ulthera (ใช้คลื่นเสียง) ซึ่งทั้ง 2 ตัว การเห็นผลสูงสุดอยู่ที่ 6 เดือนค่ะ โดยที่ Thermage เริ่มเห็นผลทันทีหลังการรักษาประมาณ 20-30% และค่อยๆ ยกกระชับมากขึ้นจนสูงสุดที่ 6 เดือนค่ะ หากใครมีเวลาน้อยกว่านี้สามารถทำได้เช่นกัน แต่ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 เดือนค่ะเพราะหลังทำในบางคนอาจมีรอยแดงหรือตุ่มน้ำเล็กๆ ได้ (เผื่อเวลาหายด้วยนะคะ)
    Ulthera หลังทำทันทีจะบวมก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ (เป็นปกตินะคะ เนื่องจากเราต้องการผลจากการอักเสบเพื่อสร้างคอลลาเจนค่ะ) หลังจากนั้นจะเริ่มยุบบวม และเริ่มเห็นผลตอนทำ 1 เดือนไปแล้ว และเห็นผลสูงสุดที่ 6 เดือนค่ะ ดังนั้นหากไม่มีเวลาและต้องการทำจริงๆ ขออย่างน้อย 1 เดือนก่อนงานนะคะ ไม่งั้นหน้าบวมน้า
    เครื่องเลเซอร์กลุ่มยกกระชับตัวอื่นๆ เช่น RF HIFU ต้องอาศัยการทำซ้ำหลายครั้ง ดังนั้นขอแนะนำให้เริ่มตั้งแต่เนิ่นๆเช่นกันค่ะ เราจะได้มีเวลายกกระชับขั้นสูงสุดกันนะคะ
  2. แก้ไขจุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ
    จุดด่างดำต่างๆ สามารถจางลงได้ด้วยการทายา และ ทำเลเซอร์ ซึ่งทั้ง 2 วิธีต้องอาศัยการรักษาอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลา อาจต้องทำหลายครั้ง ดังนั้นเริ่มให้เร็วที่สุดที่จะเริ่มได้ ดีที่สุดค่ะ
  3. ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน
    กรุงโรมไม่ได้สร้างขึ้นในวันเดียวฉันใด น้ำหนักที่เราสะสมมาตลอด ก็ไม่สามารถลดลงได้ภายใน 1-2 วันฉันนั้นค่ะ การลดน้ำหนักที่ได้ผลดีและยั่งยืนคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเราค่ะ ทั้งการคำนวณแคลอรี่, ketogenic diet, low carbohydrates diet, low fat diet, maditeranion diet, plant base diet เหล่านี้มีการวิจัยว่าให้ผลในการลดน้ำหนักทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ เราควรเลือกวิธีที่สามารถทำได้ยั่งยืนไม่ฝืนตัวเองจนเกินไปค่ะ เพราะถึงแม้น้ำหนักจะลงแล้ว แต่ถ้าเรากลับไปกินแบบเดิมน้ำหนักก็ขึ้นเหมือนเดิมนะคะ อีกอย่างที่จะช่วยให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างถาวร คือการออกกำลังกาย ให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อเพิ่มช่วยในการเผาผลาญค่ะ ส่วนการใช้เครื่องมือช่วยในการกระชับสัดส่วนนั้น เครื่องมือทุกตัวต้องใช้เวลาในการลดสัดส่วนทั้งสิ้น และหลายตัวจะต้องทำหลายครั้ง ดังนั้นเริ่มเร็วเพื่อผลทีดีที่สุดดีกว่าค่ะ
  4. กำจัดขน ถ้าหากว่ามีขนบริเวณไหนที่กวนใจเรา เช่น บางคนมีขนบริเวณหนวดค่อนข้างหนา หรือขนที่ข้อนิ้วเยอะ และอยากจะกำจัดมันไป เลเซอร์กำจัดขนก็เป็นคำตอบที่ดีและได้ผลค่อนข้างถาวรค่ะ แต่ทำไมต้องรีบทำ ก็เพราะว่าการทำเลเซอร์กำจัดขนนั้นต้องทำซ้ำอย่างน้อย 5-6 ครั้งขึ้นไปค่ะ และในแต่ละครั้งก็ควรห่างกัน 1 เดือน จึงเป็นที่มาของการเริ่มทำเลเซอร์กำจัดขนก่อนวันงาน อย่างน้อย 6 เดือนค่ะ
  5. บำรุงผิว ทั้งการทำทรีตเม้นท์, การใช้skin care รวมไปถึงการกินวิตามินบำรุงเหล่านี้เหมือนการเก็บสะสมค่ะ ยิ่งเริ่มเร็วก็จะได้ผลที่ดีขึ้นไป นอกจากนั้น หากต้องการลอง skin care ตัวใหม่ๆ ก็ควรเริ่มเร็ว เพื่อที่จะเผื่อเวลารักษาหากมีอาการแพ้เกิดขึ้นค่ะ หรือ หากใช้แล้วไม่ชอบก็จะได้มีเวลาลองตัวใหม่ต่อไปค่ะ

สิ่งที่ทำได้

     ลองฉีด ทั้งการฉีดเพื่อลดริ้วรอย, ปรับรูปหน้า, lifting กรอบหน้า สาเหตุที่หมอจัดการฉีดสารชนิดนี้อยู่ในกลุ่มสิ่งที่ทำได้แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่ควรทำตั้งแต่ก่อนวันงาน 6 เดือนนี้ เพราะตัวยาจะมีฤทธิ์ได้นานสูงสุด 6 เดือนค่ะ หลังจากนั้นริ้วรอยก็จะกลับมา ถ้าฉีดตั้งแต่ตอนนี้ ถึงวันงานก็หมดฤทธิ์พอดี แต่หากเป็นคนที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะที่จะลองฉีดครั้งแรกค่ะ เพื่อจะดูว่าชอบหรือไม่ และเทคนิคที่คุณหมอฉีดเราชอบรึเปล่าค่ะ

3 เดือนก่อนวันงาน
สิ่งที่ควรทำ

     การฉีดปรับรูปหน้า ในคนที่มีกรามใหญ่และเกิดจากกล้ามเนื้อ หากต้องการปรับรูปหน้า ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะฉีดกรามปรับรูปหน้าค่ะ เนื่องจากระยะเวลาที่จะเห็นผลสูงสุดในการฉีดกรามใช้เวลาประมาณ 1 เดือนค่ะ และผลจะยังคงอยู่ไปอีก 4-6 เดือนเลยค่ะ แล้วทำไมหมอถึงไม่ได้แนะนำให้ฉีดตอน 1 เดือนก่อนวันงาน นั่นเป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อบริเวณกรามของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากันค่ะ ในบางคนที่มีขนาดใหญ่มากๆ หลังจาก 1 เดือนหากยังมีกล้ามขนาดใหญ่อยู่ก็จะสามารถฉีดซ้ำได้ค่ะ

สิ่งที่ทำได้

     ทุกข้อของสิ่งที่ควรทำตอน 6 เดือนก่อนวันงาน หากยังไม่ได้เริ่มทำ ทำตอนนี้ก็ยังไม่สายค่ะ เพียงแค่ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ดีเท่าเริ่มตั้งแต่ 6 เดือนก่อนวันงาน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลยนะคะ

สิ่งที่ไม่ควรทำ

1. ศัลยกรรมบริเวณใบหน้า ในกรณีที่ทำเพื่อความสวยงามนะคะ (แต่หากเพื่อการรักษา เช่น พบก้อนผิดปกติ ก็ต้องทำนะคะ) สาเหตุที่หมอไม่แนะนำให้ทำศัลยกรรมในช่วงนี้เพราะแผลจะหายไม่ทันค่ะ โดยเฉพาะคนที่เกิดแผลเป็นได้ง่ายหากมีแผลเป็นขึ้นมาจะรักษาแผลเป็นไม่ทัน แทนที่จะสวยรับวันงาน กลับมีแผลเป็นที่หน้าแทน
2. ทดลองใช้ skin care ใหม่ๆ ใจแข็งไว้นะคะ แม้จะอยากลองแค่ไหนหมออยากให้หยุดไว้ก่อนค่ะ เนื่องจากการใช้ skin care ตัวใหม่ๆ มีโอกาสแพ้ได้ค่ะ และหากแพ้ขึ้นมาระยะเวลาเพียง 1 เดือนอาจรักษาได้ไม่ทัน ได้ไม่คุ้มเสียนะคะ

1 เดือนก่อนวันงาน
สิ่งที่ควรทำ

     การฉีดลดริ้วรอย ทั้งรอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก ขมวดคิ้ว bunny line เหล่านี้ควรฉีดในช่วง 1 เดือนก่อนวันงานค่ะ จริงๆแล้วการฉีดเพื่อลดริ้วรอยจะเห็นผลสูงสุดหลังฉีด 2 สัปดาห์ แต่ที่หมอแนะนำให้ฉีด 1 เดือนก่อนวันงานเนื่องจากช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีดจะตึงมากๆ เลยค่ะ บางคนอาจจะไม่ชินโดยเฉพาะคนที่ไม่เคยฉีดมาก่อน อาจจะดูยิ้มแข็งๆ ไปบ้างในช่วงนี้ พอผ่านช่วงนี้ไประยะเวลาที่กำลังขยับได้ดูเป็นธรรมชาติและไม่มีริ้วรอย (กำลังสวยพอดี) ก็คือช่วง 1 เดือนหลังฉีดค่ะ นอกจากนี้หากต้องการเพิ่มความตึง หรือปรับระดับคิ้ว ก็ยังสามารถทำได้หลังจากฉีดไป 2 สัปดาห์ค่ะ

สิ่งที่ทำได้

  1. การฉีดปรับรูปหน้า หากไม่ได้ทำตั้งแต่ช่วง 3 เดือนก่อนวันงาน ช่วงนี้ก็ยังทำได้นะคะเพราะการฉีดลดกล้ามเนื้อกรามก็ยังเห็นผลทันวันงานพอดีค่ะ
  2. เทคนิคนี้ไม่ใช่เพื่อการลดริ้วรอยนะคะ แต่เป็นการฉีดในชั้นผิวหนังเพื่อให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น ข้อดีคือเป็นการสวยด่วน สามารถเห็นผลได้ทันทีตั้งแต่หลังฉีดเลยค่ะ แต่ข้อเสียคือ ฤทธิ์อยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 1-3 เดือน ดังนั้นหากคิดว่าไม่มีเวลาหาหมออีกแล้วหลังจากนี้ก็สามารถฉีดไปพร้อมๆ กับการฉีดลดริ้วรอยได้ค่ะ แต่ถ้าสามารถมาพบหมอได้อีกฉีดหลังจากนี้จะให้ผลที่ดีกว่าในวันงานค่ะ
  3. รักษาจุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ เริ่มช่วงนี้อาจจะช้าไปซักนิด แต่ยังไม่สายเกินไปค่ะ อาจจะไม่ถึงกับหายหมดจด แต่อย่างน้อยก็จางลงนะคะ
  4. บำรุงผิว ทั้งโดยการใช้ skin care และการทำทรีตเม้นท์ต่างๆ ที่เคยทำมา ในช่วงนี้ยังทำต่อเนื่องได้อยู่นะคะ

2 สัปดาห์ก่อนวันงาน

     ใกล้วันงานเข้ามาทุกทีแล้วนะคะ ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายที่หมอจะแนะนำให้มีเข็มจิ้มหน้าได้แล้วค่ะ เพราะทุกๆครั้งที่เข็มจิ้มเนื้อเราจะมีโอกาสเกิดรอยช้ำขึ้นได้นะคะ และรอยช้ำใดๆ จะใช้เวลาหายประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ เพื่อให้หน้าเราไม่มีรอยช้ำ ช่วงหลังจากนี้งดหัตถการที่มีเข็มจิ้มหน้านะคะ

สิ่งที่ควรทำ

     เพื่อให้ใบหน้าดูกระชับสวยเป๊ะในวันงาน อย่างที่บอกไปแล้วในสิ่งที่ทำได้ช่วง 1 เดือน การฉีดลดริ้วรอยเห็นผลทันทีที่ฉีด แต่อยู่ได้ไม่นาน ช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะให้เห็นผลสูงสุดในวันงานค่ะ

สิ่งที่ทำได้

1. การฉีดลดริ้วรอย ในคนที่เคยฉีดมาก่อนแล้ว และชอบความตึงในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีด ช่วงนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ฉีดได้อยู่นะคะ เพราะจะตึงเป๊ะพอดีวันงานเลยค่ะ
2. บำรุงผิว ทั้งโดยการใช้ skin care และการทำทรีตเม้นท์ต่างๆ ที่เคยทำมา ในช่วงนี้ก็ยังทำต่อเนื่องได้อยู่เช่นกันค่ะ

สิ่งที่ไม่ควรทำ

     Ulthera เนื่องจากในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังทำ Ulthera หน้าจะบวมขึ้น ช่วงนี้จึงไม่ควรทำ Ulthera แล้วนะคะ รวมถึงกลุ่ม HIFU ทั้งหมดด้วยค่ะ ส่วนตัว Thermage แม้ว่าจะไม่ค่อยมีอาการบวม แต่ก็จะเห็นผลน้อยรวมถึงหลังทำอาจเกิดตุ่มน้ำได้ในบางคน จึงไม่แนะนำให้ทำในช่วงนี้ค่ะ หากต้องการยกกระชับหน้า อาจต้องเลือกการฉีดลดริ้วรอยแทนค่ะ

1 สัปดาห์ก่อนวันงาน
สิ่งที่ควรทำ

  1. ฝึกนอนเร็ว ตื่นเช้า หลายๆคนมีชีวิตประจำวันที่นอนดึก ควรจะเริ่มปรับให้นอนเร็วขึ้นเพื่อให้ร่างกายชินนะคะ เพราะโดยส่วนใหญ่งานพิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า และเจ้าสาวต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมก่อนนั้น หากพักผ่อนไม่พอ หน้าเราจะดูไม่สดใสเท่าที่ควร และหากไม่ปรับให้ร่างกายนอนเร็วขึ้นแต่เนิ่นๆพอถึงวันจริงมักนอนไม่หลับกันค่ะ
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและผิวไม่ขาดน้ำ แต่งหน้าจะได้ติดดีนะคะ
  3. ทำใจให้สบาย พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะยิ่งใกล้วันงานก็ยิ่งมีความตื่นเต้นและกังวล แต่หมออยากจะบอกว่าไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ เราทำใจให้สบายและมีความสุขกับวันสำคัญของเราดีกว่านะคะ

สิ่งที่ทำได้

     ใช้ skin care ที่เคยใช้ตามปกติ เรายังบำรุงผิวอย่างต่อเนื่องกันได้อยู่ค่ะ แต่ทรีตเม้นต์ต่างๆ อยากให้พักก่อนนะคะ เพื่อลดโอกาสการกระตุ้นสิวค่ะ

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  1. ทดลอง skin care หรือ อาหารเสริมใหม่ๆ หมอขอนะคะข้อนี้อย่างที่บอกมาตลอดว่าควรหยุดการลองตั้งแต่ 1 เดือน ช่วง 1 สัปดาห์นี้ ใกล้งานมากๆ เลยค่ะ หากแพ้ขึ้นมาจะเสียใจมากๆ นะคะ
  2. ทำเลเซอร์ และหัตถการทุกชนิดบนใบหน้า เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ และรอยเลเซอร์บนใบหน้า แม้ว่าโดยปกติแล้วโอกาสเกิดรอยเลเซอร์จะมีน้อยมาก แต่หากเกิดขึ้นระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์จะรักษาให้หายไม่ทัน ดังนั้นตัดไฟแต่ต้นลมเลยดีกว่าค่ะ

     สุดท้ายนี้ สิ่งที่หมอบอกมา เป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ ในการเตรียมตัวเท่านั้นค่ะ ไม่จำเป็นที่จะต้องทำหมดทุกอย่าง สามารถปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละคนนะคะ ปรึกษาแพทย์ผิวหนังของคุณแต่เนิ่นๆ เพื่อผลการรักษาที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ ขอให้มีความสุขในวันสำคัญของทุกคนนะคะ

 

บทความโดย พญ.วรภา ลีลาพฤทธิ์
จากเพจ ตาสวย หน้าใส ไปกับหมอเนตร